5 กับดักที่ทำให้คนที่เพิ่งออกมาทำธุรกิจตัวเองล้มเหลว

เริ่มต้นธุรกิจ

วันก่อนมีเพื่อนผมคนหนึ่งได้ลาออกมาทำธุรกิจของตัวเองอย่างเต็มตัวแล้ว เพื่อนๆ หลายคนแสดงความยินดีที่ได้หลุดพ้นจากวังวนพนักงานออฟฟิศไม่ต้องเครียด ไม่ต้องเจอปัญหาเดิมๆ อีกแล้ว ผมก็ยินดีกับเค้าด้วยครับที่อย่างน้อยๆ ได้เริ่มต้นทำตามความฝันตัวเอง แต่พอเพื่อนผมพูดว่าวันแรกของการทำงานจะจัดของจัดบ้าน แล้วไปพักผ่อนฉลองอิสรภาพเท่านั้นล่ะครับ ผมอึ้งเลย เพราะปัญหาหลักๆ เลยของคนออกมาทำธุรกิจตัวเองคือมีอิสระมากเกินไปทั้งเวลาและความคิด นี่เป็นสิ่งที่คนทำธุรกิจต้องผ่านเป็นด่านแรกๆ เลย ผมขอเล่าเป็นข้อๆ ว่ากับดักอะไรที่ผมเคยเจอและคุณจะต้องเจอครับ

ไม่รู้ว่าออกมาแล้วต้องทำอะไรบ้าง

คนเคยทำงานประจำ เปรียบเหมือนอยู่ในค่ายทหาร ต้องมีระเบียบวินัย เข้าออกงานตรงเวลา มีเจ้านายบังคับบัญชาว่าต้องการอะไรบ้าง แต่พอคุณมีเวลาเป็นของตัวเองแล้วคุณก็เหมือนทหารปลดประจำการ มันเคว้ง ถามคนที่ออกจากงานมาทำธุรกิจแล้ววันแรกที่ทำงานคุณทำอะไรครับ ผมเชื่อว่าเกินครึ่งไม่รู้ว่าวันแรกจะทำงานอะไร เลยทำให้ส่วนใหญ่ไปเดินช้อปปิ้ง กินเที่ยวฉลองการเป็นอิสระครับ เรื่องนี้ผิดนะครับ คุณควรเริ่มธุรกิจของคุณในวันแรกทันที ให้เหมือนที่คุณเริ่มงานวันแรกในการเป็นลูกจ้างที่คุณก็ไม่ได้เริ่มวันแรกด้วยการหยุดงาน

ขาดวินัย

หลายคนรวมทั้งผม เคยจินตนาการว่าเมื่อได้ทำธุรกิจของตัวเองคุณจะเริ่มทำงานสายๆ เลิกงานดึกๆได้เพราะเป็นธุรกิจเราเอง ที่ทำอย่างนี้เพื่อชดเชยที่เราเคยถูกบังคับให้ตื่นเช้าไปเข้างานให้ตรงเวลาในช่วงที่เราเป็นลูกจ้าง เชื่อผมเหอะวันแรกของการทำธุรกิจคุณจะตื่นสายตามที่คุณฝันครับ แต่ที่แย่คือคุณจะเหนื่อยและเลิกงานเร็วกว่าตอนเป็นลูกจ้างอีกตะหาก (ชดเชยสองเด้งเลย) อันนี้บอกไว้เลยว่าไม่ควรทำอย่างยิ่งครับ ยิ่งถ้าคุณมีลูกน้องด้วย ลูกน้องคุณจะเอาเป็นแบบอย่างแน่นอน (ไม่เชื่อลองดูตัวเองว่าเคยเอาอย่างหัวหน้าที่ชอบมาสายมั้ย) วันแรกของการมีอิสระก็วัดตัวตนของคุณได้พอสมควรแล้วว่าคุณลาออกมาเพราะอยากทำธุรกิจหรือแค่ไม่อยากทำงานประจำ แต่ไม่เป็นไรครับ คนเราปรับปรุงตัวได้ ถ้าตอนนี้ธุรกิจใครที่ยังไม่มั่นคง แต่ทำงานสัปดาห์ละไม่ถึง 5 วัน ที่เหลือเที่ยวก็ควรปรับปรุงตัวด่วนเลยนะครับ

มีเวลาเยอะเกินไปทำให้ผัดวันประกันพรุ่ง เฉื่อยชา ทำงานไม่มีประสิทธิภาพ

การมีเวลาเยอะมันดีนะครับ แต่การมีเวลาเยอะเกินไปจนเรียกว่าเหลือเฟือมันไม่ดี เมื่อมีเวลาเยอะคุณจะพยายามทำงานให้เสร็จตามเวลาที่คุณมี งานเดียวกัน ถ้าคุณมีเวลา 8 ชั่วโมง คุณก็จะทำเสร็จโดยใช้เวลา 8 ชั่วโมง ถ้าคุณมีเวลาชั่วโมงเดียว คุณก็จะทำได้เสร็จในเวลาชั่วโมงเดียว ด้วยผลงานที่ออกมาเหมือนๆ กัน แนวทางที่คุณควรแก้ไขคือ จำกัดเวลาทำงานครับ งานที่ทำเสร็จชั่วโมงเดียว ก็ต้องทำให้เสร็จในชั่วโมงเดียว ถ้าวันๆ นึงคุณมีงานให้ทำน้อย แต่ยอดขายยังไม่ถึงเป้า แปลว่าคุณต้องทำอะไรเพิ่มแล้ว ไม่ใช่ทำงานไม่สร้างคุณค่า หลอกตัวเองไปวันๆ ว่างานยุ่งจนไม่มีเวลาทำอะไร อย่าลืมนะครับว่าตอนคุณยังไม่ออกจากงานคุณเคยบ่นว่าถ้าทำธุรกิจตัวเองฉันคงทำอะไรเต็มที่และทำได้มากกว่านี้

คิดจะทำทุกอย่างในเวลาเดียวกัน ทำให้แบ่งเวลาไม่ถูก

บางคนก็มั่นใจในตัวเองมากครับว่าเก่งกาจ  สามารถทำหลายๆ อย่างในเวลาเดียวกันได้ พอออกมาแล้วมีเวลาเยอะ ยิ่งมั่นใจเลยว่าทำได้ แต่จริงแล้วไม่ใช่อย่างนั้นครับ ผลออกมาคือเละทุกอย่างครับ ไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน เพราะเราทำหลายเอย่างมากเกินไป ไม่มีเวลาไปเน้นในสิ่งที่ทำอยู่แล้วให้ดีขึ้น ครึ่งๆ กลางๆ นั่นก็ดี นี่ก็ใช่ ทำพร้อมกันเละพร้อมกัน คุณควรทำไปทีละอย่างเท่านั้นครับ ถ้าอดใจไม่ไหวจริงๆ (เหมือนผม) ให้เลือกทำแค่ครั้งละ 2 อย่างครับ อย่างนึงเป็นหลักเน้นให้มาก อีกอย่างเป็นงานเสริมไป แต่ต้องแบ่งเวลาให้ชัดเจนว่าจะทำอะไรเวลาไหนครับ

รู้สึกเคว้งคว้าง ไม่มั่นคง จนอยากกลับไปทำงานประจำเหมือนเดิม

หมดกำลังใจก่อนสำเร็จ ออกมาไม่ถึงเดือน ยังหาลูกค้าไม่ได้ ไม่มีเงินเข้า รู้สึกไม่มั่นคง คิดว่าตัวเองไม่เหมาะกับทำธุรกิจ เลยกลับไปทำงานออฟฟิศเหมือนเดิมกินเงินเดือนสบายกว่า การทำงานเป็นลูกจ้างเหมือนกับการปลูกพืชสวนครัวครับ เดือนเดียวก็กินได้แล้ว แต่การทำธุรกิจตัวเองก็เหมือนคุณปลูกไม้ยืนต้น คุณต้องอดทนรอคอยความสำเร็จได้ เหมือนเริ่มตั้งแต่ปลูกต้นกล้าเอง รอมันเติบโตเป็นต้นไม้ใหญ่ ออกดอกออกผลแล้วค่อยเก็บเกี่ยว ถึงจะนานแต่คุณเก็บเกี่ยวได้ตลอดชีวิต ที่คุณท้อเพราะแค่ยังไม่ชินกับการปลูกไม้ยืนต้นเท่านั้นเองครับ

ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนที่เริ่มทำธุรกิจและคนที่กำลังท้อแท้นะครับ ถ้าคุณคิดว่าคุณไม่เหมาะกับการทำธุรกิจเพราะทำแล้วทุกอย่าง ผมอยากให้คุณถามตัวเองจริงๆ ว่าคุณได้ทำทุกอย่างที่ต้องทำแล้วจริงๆ หรือเปล่า

Leave a Comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *

error: Content is protected !!