เริ่มต้นธุรกิจ
ถ้าย้อนกลับไปเมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว ทฤษฎีการบริหารธุรกิจ จะเริ่มเน้นจากการบริหารการผลิต ทำให้ต้นทุนต่ำที่สุด การตลาดเน้นให้ขายสินค้าให้ได้มากที่สุด หรือการเงินที่เน้นให้มีผลกำไรมากที่สุด ทำธุรกิจดีที่สุดต้องเป็นที่หนึ่งเท่านั้น แต่สมัยนี้ไม่ใช่อย่างนั้นแล้วครับ ทุกอย่างเปลี่ยนไปแล้ว เราไม่ได้ทำธุรกิจเพื่อเป็นที่หนึ่ง เป็นเจ้าใหญ่ที่สุดในตลาดอีกต่อไปแล้ว
เราทำธุรกิจเพื่อใช้ชีวิตตอบสนองความต้องการเราล้วนๆครับ ผมกำลังบอกท่านผู้อ่านว่าโลกเราเปลี่ยนจากการได้ยอดขายมากที่สุด เป็นการทำงานให้มีประสิทธิผล (efficiency) มากที่สุด เพื่อให้เราได้ไปทำสิ่งที่เราอยากทำให้เร็วที่สุด สิ่งสำคัญที่ต้องคิดและทำเหล่านี้มีดังนี้ครับ
1. ทำงานที่ถนัดที่สุดเท่านั้น
ผมทำธุรกิจส่งออกด้วยตัวคนเดียวครับ เรื่องบัญชีผมจ้างสำนักงานบัญชีข้างนอกครับ การขนส่งและเอกสารผมจ้างชิปปิ้ง การผลิตผมจ้างโรงงานครับ เว็บไซต์จ้างเค้าทำ ที่เหลือคือหาลูกค้า ผมทำเองครับ ผมเอาเวลาของผมไปทำงานที่สำคัญคือการหาลูกค้าครับ ถึงผมไม่เคยเป็นเซลล์แต่การโฟกัสฝึกและทำงานโดยใช้ทักษะที่สำคัญอย่างเดียว ก็ทำให้ผมเชี่ยวชาญจนเริ่มทำธุรกิจได้แล้ว
ผมเคยไปเดินเอกสารแล้วคนจบปริญญาโท (แบบผม) ทำงานนี้สู้แมสเซนเจอร์ไม่ได้ ไม่ต้องปวดหัวกับเรี่องจุกจิก เพราะฉะนั้นอะไรที่ไม่ถนัด ทำแล้วปวดหัว ให้คนที่เค้าเชี่ยวชาญทำแทนดีกว่าครับ
2. เน้นที่ผลงานมากกว่าเวลาทำงาน และ ใช้เวลาให้น้อยที่สุดให้ได้ผลงานมากที่สุด
ผมค่อนข้างติดกับการทำงานเข้างานแปดโมงเช้าเลิกงานห้าโมงเย็นมาจากตอนทำงานออฟฟิศครับ ลึกๆแล้วมีความรู้สึกว่าถ้าเราไม่เข้างานตรงเวลา ไม่เลิกงานตรงเวลา เหมือนเราโกงเวลาตัวเอง ไม่ขยันทุ่มเททำงาน ขี้เกียจ ฯลฯ แต่ผลที่ออกมาไม่มีประสิทธิภาพครับ มีอยู่วันหนึ่งผมมีเวลาแค่ 2 ชั่วโมงในการทำงานที่เคยต้องใช้เวลาทำงานทั้งวัน ปรากฏว่าผมทำงานเสร็จ
หลังจากนั้น เมื่อเข้าใจเหตุผลจึงเปลี่ยนวิธีคิดในการทำงานใหม่ เน้นที่ผลงานแทน แบ่งงานเป็นย่อยๆ ในแต่ละวัน จ้องที่ to do list เท่านั้น (อาจมีเผื่อเวลาไว้สำหรับงานด่วนนิดหน่อย และเผื่อขี้เกียจด้วย) ถ้าทำเสร็จตามนั้นก็เลิกงานพักผ่อนได้ครับ ถือเป็นรางวัลชีวิต การจำกัดเวลาทำงานให้น้อยลง ยังช่วยให้เราได้ทำแต่สิ่งสำคัญเท่านั้น เรื่องนี้หาอ่านเพิ่มเติมได้ที่บล็อกนี้ครับ
3. ใช้เงินลงทุนให้น้อยที่สุด ให้ได้ผลตอบแทนมากที่สุด
ผมเคยเจอคนที่จะเปิดร้านเค้ก ร้านอาหาร ร้านกาแฟใช้เงินลงทุนเหยียบล้าน ธุรกิจแบบนี้ถ้าเลี่ยงได้ผมจะไม่ทำเด็ดขาดครับ (ลงทุนด้วยเงินแสนแต่ขายได้ครั้งละร้อยบาท) ถามว่าธุรกิจอะไรที่ลงทุนน้อยตอบได้ง่ายๆ ครับ ซื้อมาขายไป ยิ่งทุกวันนี้มีอินเตอร์เน็ตแล้ว พ่อค้าแม่ค้าที่สยามหนีเข้าออนไลน์กันหมดแล้วครับ แต่งเว็บทีเดียว เฟสบุ๊คใช้ฟรี (มีค่าโฆษณานิดหน่อย)
แต่รวมๆ แล้วประหยัดเงินกว่าไปเช่าร้านเค้าอีก ยิ่งขายแบบ pre-order ยิ่งใช้เงินน้อยเข้าไปอีก การใช้เงินน้อยถึงสำคัญที่สุด การเริ่มธุรกิจต้องประหยัดเงินที่สุด เพราะเงินนี้เราต้องเอามาเป็นทุนสต็อกของหรือใช้ทำตลาด หากเงินหมด เงินไม่พอ ธุรกิจเกิดใหม่ไม่รอดครับ
4. เอาเงินที่ได้มาจากการทำธุรกิจ ไปสร้างสินทรัพย์
คิดว่าผู้อ่านเคยได้ยิน Passive Income ที่ถูกเปิดเผยโดย Robert Kiyosaki ผมกำลังหมายความถึงอย่างนั้นครับ เงินที่เราได้มาควรแบ่งไปลงทุนในสินทรัพย์ที่สร้างผลตอบแทนให้เราโดยไม่ต้องทำงาน สินทรัพย์พวกนี้เป็นเหมือนผู้ช่วยเรา ในการทำเงินและทำงานแทนเราครับ ไม่ใข่เพียงแค่การซื้ออสังหาฯ หรือเล่นหุ้นเท่านั้น การทำธุรกิจทุกๆ อย่างก็สามารถเปลี่ยนเป็นสินทรัพย์ได้ขึ้นอยู่กับมุมมองของเราครับ
5. มีความสุขในทุกขณะของชีวิต
เมื่อไหร่ที่คุณทำธุรกิจแล้วมีความสุข ความสุขเหล่านั้นจะส่งผ่านออกมาทางสายตา ท่าทาง คำพูดและการกระทำของคุณ ลูกค้า ลูกน้อง คู่ค้า และทุกคนที่อยู่รอบตัวคุณก็จะได้รับความสุขเหล่านั้น ธรรมชาติของเรา ถ้าคุณจะมีเงินแต่ไม่มีความสุข ถ้าคุณเอาแต่เร่งทำเงินโดยไม่มีวันหยุดพัก ไม่ได้เห็นหน้าพ่อแม่ลูกเมีย ตั้งหน้าตั้งตามุ่งหน้าไปที่ความสำเร็จ โดยที่ลืมแวะชื่นชมทิวทัศน์รอบทาง ซาบซึ้งกับสิ่งที่คุณมี มันจะมีประโยชน์อะไรที่คุณจะฉลองความสำเร็จตัวคนเดียว ปลายทางของคุณจะว่างเปล่ามากๆ ครับ
แต่ถ้าคุณสนใจสิ่งรอบข้างระหว่างทางของคุณได้มากเท่าไหร่ เมื่อคุณประสบความสำเร็จแล้วมองย้อนกลับมา คุณจะมีความสุขมากที่สุดครับ คุณได้เห็นหน้าพ่อแม่พี่น้องที่คอยเอาใจช่วย แม้จะผิดหวังกับเรา ได้เห็นเพื่อนแท้ยามที่เราท้อแท้ และได้รู้ว่าพวกเค้าไม่เคยทอดทิ้งเรา ผมว่าเรื่องนี้มันคือการใช้ชีวิตจริงๆครับ