เงินทุนธุรกิจ
เคยได้ยินกันมั้ยครับ ลาออกจากงานมาทำธุรกิจต้องมีเงินทุน ผมเชื่อว่าหลายคนพอมาถึงจุดนี้ก็เริ่มหยุดคิด (หมายถึง ขี้เกียจคิดต่อแล้ว) เพราะ ไม่รู้จะเริ่มยังไง จะเอาเงินทุนนี้ไปเป็นค่าอะไรบ้าง ต้องเอาไปใช้ตรงไหน ทำอะไร แล้วจะพอมั้ยใช้จริงรึเปล่าก็ไม่รู้ หรือมโนไปเอง แต่ส่วนใหญ่ที่เจอมักจะมีแต่เงินขาด ไม่มีเงินเกิน ผมจะแบ่งให้ดูง่ายๆ นะครับ ว่าเงินต้องแบ่งเป็นกี่ก้อน จะได้ไม่ขาดเผลอใช้หมดไปซะก่อน
ค่าใช้จ่ายเปิดบริษัท เปิดร้าน
สำหรับท่านที่ต้องการเปิดเป็นบริษัทเลย ถ้าทำเองก็จะอยู่ประมาณ 6-7 พันบาทนะครับ ถ้าจ้างสำนักบัญชีหรือนายหน้าก็จะอยู่ประมาณ 10,000 – 12,000 บาทครับ กรณีท่านเปิดร้านค้าด้วย ก็ต้องมีค่าตกแต่งสถานที่หรือร้านค้าให้น่าดูน่าเข้า อันนี้อยู่ที่ความต้องการของแต่ละคนเลยครับ ส่วนในออฟฟิศ ถ้ามีลูกค้าเข้ามาบ่อยๆ ก็ต้องอย่าลืมตกแต่งด้วยนะครับ
เงินลงทุนซื้ออุปกรณ์และสินทรัพย์ถาวร
สำหรับท่านที่เปิดโรงงานหรือผลิตเอง แน่นอนว่าต้องมีเครื่องจักรอะไรสักอย่างที่เอามาใช้ หรืออุปกรณ์ที่เอาไว้ใช้ในการผลิต เงินก้อนนี้ถือว่าใหญ่มากครับ หากท่านที่มีทุนน้อยจะลองเปลี่ยนจากซื้อขาดเป็นเช่าซื้อหรือเช่าก่อนในช่วงแรกก็ได้ ในส่วนออฟฟิศของเราก็ต้องมีโต๊ะ อุปกรณ์สำนักงาน เครื่องเขียน กระดาษ คอมพิวเตอร์ ฯลฯ พวกอุปกรณ์นี้หากไม่จำเป็นในช่วงแรกๆ ซื้อเท่าที่จำเป็นพอครับ
เงินหมุนสำหรับสต็อกสินค้าหมุนเวียน
การผลิตสินค้านั้นนอกจากอุปกรณ์แล้วยังต้องมีวัตถุดิบอีก การบริหารสต็อกถือเป็นหัวใจของการทำธุรกิจครับ เพราะนอกจากจะทำยังไงให้ผลิตทันแล้ว ยังต้องทำให้เราใช้เงินทุนจมน้อยที่สุดอีกด้วย สิ่งที่หลายท่านอาจจะลืมไปอีกเรื่องคือวันแรกของธุรกิจ ท่านต้องมีสต็อกในมือเท่าไหร่ ยกตัวอย่างถ้าท่านเปิดร้านกาแฟ ถามว่าวันแรกต้องซื้อน้ำแข็งเท่าไหร่ครับ ท่านอาจจะลืมจุดเล็กๆน้อยๆนี้ไปก็ได้ครับ
เงินซื้อสต็อกมาเก็บสินค้าขั้นต่ำ
ข้อนี้อาจจะคล้ายกับข้อบนแต่ก็ไม่เหมือนกันซะทีเดียว ยกตัวอย่างให้เห็นภาพอีกข้อ ถ้าท่านเปิดร้านสะดวกซื้อ ท่านต้องรอให้สต็อกเหลือศูนย์ก่อนแล้วค่อยสั่งหรือเปล่าครับ หรือท่านต้องรอให้กาแฟหมดกล่องแล้วค่อยไปซื้อก็คงไม่ใช่ เพราะฉะนั้นมันจะมีสต็อกอยู่จำนวนหนึ่งที่ต้องจมอยู่ ซึ่งก็คือก้อนนี้ครับ
ค่าใช้จ่ายด้านการขายและตลาด
ไม่ว่าจะเป็นการเริ่มต้นโฆษณาประชาสัมพันธ์ แจกใบปลิว สร้างเว็บไซต์ โปรโมตสินค้า ค่าคอมมิชชั่นให้เซลล์ ฯลฯ ค่าใช้จ่ายส่วนนี้สำคัญมากพอๆ กับค่าใช้จ่ายอื่นๆ เพราะถ้าไม่มีการประชาสัมพันธ์ก็ไม่มีลูกค้าครับ
เงินค่าใช้จ่ายแต่ละเดือนในช่วงแรกของธุรกิจ
เงินก้อนนี้คือตัวชี้วัดความอยู่รอดของบริษัทครับ เมื่อเปิดบริษัทหรือเริ่มธุรกิจแล้ว เราจะมีแต่ค่าใช้จ่ายประจำ (fixed expense) ค่าใช้จ่ายพวกนี้ได้แก่ เงินเดือน ค่าไฟค่าน้ำ ค่าโทรศัพท์ ฯลฯ ของพวกนี้ถือว่าเป็นเส้นเลือดอีกเส้นที่หล่อเลี้ยงธุรกิจ ถ้าไม่มีหรือขาดขึ้นมา ธุรกิจก็สะดุดได้ครับ ลองคิดดูว่าถ้าไม่มีเงินจ่ายค่าน้ำค่าไฟ หรือเงินเดือนพนักงาน จะเกิดอะไรขึ้น เพื่อความปลอดภัย ท่านต้องเตรียมเงินส่วนนี้ไว้ให้นานเท่ากับระยะเวลาที่ท่านคิดว่าจะมีลูกค้าประจำได้พอสมควร
เงินหมุนให้ลูกค้าขอเครดิต
อาจจะมีบางธุรกิจที่สามารถขายของแล้วได้รับเงินจากลูกค้าทันที หรือลูกค้าต้องชำระเงินก่อน แต่โดยส่วนใหญ่แล้วลูกค้ามักจะจ่ายเงินทีหลัง เราคงต้องมีเงินหมุนสำหรับก้อนนี้ด้วยครับ วิธีคิดคือให้ประมาณการยอดขายว่าเป็นเท่าไหร่ต่อรอบนั้นๆ แต่บางรายก็อาจจะง่ายกว่านั้นเพราะมีวงเงินเบิกเกินบัญชีหรือ OD ที่ทางแบงก์ให้เรามา ผมว่าเงินก้อนนี้ก็สะดวกดีนะครับ ในการหมุนเงินจากลูกค้าเครดิต หรืออีกวิธีคือการทำ factoring หรือขายลูกหนี้ให้ธนาคาร รายละเอียดสองอย่างนี้ปรึกษาได้ที่ธนาคารใกล้บ้านท่านครับ
นี่ก็เป็นค่าใช้จ่ายหลักๆ ที่ท่านต้องเตรียมก่อนออกมาเริ่มทำธุรกิจนะครับ แต่ทุกอย่างไม่มีอะไรตายตัว ขึ้นอยู่กับธุรกิจของท่าน และแนวทางในการใช้เงินครับ