fbpx

ช่องว่างในการทำธุรกิจสมัยนี้

การทำธุรกิจในโลกยุคปัจจุบัน เราคงหนีไม่พ้นการแข่งขันที่มีมากมายมหาศาล การเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ทำให้หลายๆ ธุรกิจที่เคยรุ่งเรืองในอดีต มีแนวโน้มแย่ลงในปัจจุบัน และการปรับตัวหลายอย่างก็เป็นปัจจัยให้ธุรกิจเราอยู่รอดมาถึงทุกวันนี้

เรามาดูกันว่าธุรกิจในยุคใหม่ควรมีแนวทางอย่างไรให้ธุรกิจอยู่รอดและเติบโตได้

1. หยิบชิ้นปลามัน ทำเฉพาะสิ่งที่สำคัญ

วลีฮิตในสมัยนี้คือ คนเรามีเวลาจำกัด (จริงแล้วมีเวลาเท่าเดิม แต่อยากทำหลายอย่างมากเกิน) ทำยังไงได้ล่ะครับ สมัยนี้โลกเรามันเล็กลง คนเราสุขนิยมมากขึ้น เลยมีแต่คนบอกว่าจะทำอะไรก็รีบทำ เมื่อเวลาเป็นข้อจำกัด เราไม่มีทางเลือกมากนักนอกจากทำสิ่งที่สำคัญที่สุดในเวลานั้น เช่น ทำธุรกิจที่ได้เงินมากที่สุดในเวลาเท่ากัน หรือทำเงินเท่ากันแล้วใช้เวลาน้อยลง ฯลฯ

2. ปลาเร็วกินปลาข้า ไม่ต้องใหญ่ แค่เร็วกว่า ทำตัวให้บาง

ถ้าเป็นเมื่อก่อน การวางแผนระยะ 1 – 3 ปี ถือว่าเป็นระยะสั้น แต่สมัยนี้ถือว่าเป็นแผนระยะยาวไปแล้ว เนื่องจากโลกเปลี่ยนแปลงเร็วมาก มือถือออกมาไม่นานก็ตกรุ่น โลชั่นยี่ห้อเดิม เปลี่ยนโฉมใหม่ทุกๆ 3 – 6 เดือน ละครหนึ่งเรื่องมาแค่ 12 ตอนจบ ใครจะมาบอกว่าขอคิดขอดูเทรนด์ก่อนครึ่งปี คงจะยากครับที่จะตามทันธุรกิจสมัยนี้ สิ่งที่เราต้องทำคือ หาข้อมูลให้มากที่สุด แล้วตัดสินใจลงมือทำทันที

3. เชี่ยวชาญไปเถิดจะเกิดผล

ลูกค้าไม่สนหรอกครับว่าคุณจะเก่งกี่อย่าง ขอแค่เค้าคิดว่าคุณเชี่ยวชาญจริงในสิ่งนั้น เค้าจะจ่ายเงินให้คุณ ยิ่งคุณเชี่ยวชาญในสิ่งนั้นมากเท่าไหร่ มูลค่า (ราคาที่ลูกค้าต้องจ่าย) ก็จะมากขึ้นเท่านั้น เนื่องจากทุกคนเน้นจะเชี่ยวชาญเฉพาะสิ่งที่ตัวเองถนัด จึงเกิดช่องว่างที่คนๆ หนึ่งสนใจแค่ไม่กี่เรื่อง และยกเรื่องที่ตัวเองไม่ถนัดให้คนอื่นดูแลแทน สังเกตว่าสมัยนี้กิจการที่เกี่ยวกับงานบ้าน เช่น ซักรีด ทำความสะอาดบ้าน รับจ้างซ่อมเสื้อผ้า จะมาแรงมาก เพราะคนทั่วไปเห็นว่าเอาเวลาของตัวเองไปทำงานเพื่อให้ได้มูลค่าสูงกว่าจะต้องมาทำงานนี้เอง เพราะคิดว่างานนี้ไม่เกิดคุณค่าอะไรกับตัวเอง

4. เกาะไหล่ยักษ์ / leverage

การเริ่มต้นธุรกิจในโลกปัจจุบัน ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เพราะว่าเราต้องเจอกับคู่แข่งมากมายๆ และที่สำคัญคู่แข่งหลายๆ รายไม่ได้เล็กอีกต่อไปแล้ว มีแต่รายใหญ่ๆ ทั้งนั้น กลยุทธ์การเกาะไหล่ยักษ์เป็นสิ่งที่จำเป็นในตอนนี้

ยกตัวอย่างเช่น หากเราขายขนมหรือเครื่องสำอาง และอยากกระจายสินค้าเราไปทั่วประเทศ การนำสินค้าเข้าไปขายที่ร้านสะดวกซื้อแบรนด์ดังที่มีสาขาครอบคลุมทั่วประเทศ ก็เป็นอีกวิธีที่น่าสนใจ และน่าจะประหยัดแรงเราไปได้อีกเยอะไม่แพ้กัน

5. คิดให้ต่าง เล่าเรื่องให้เก่ง ภาพลักษณ์สำคัญกว่าสินค้าจริง

ถ้าเราทำงานดี แต่นำเสนอไม่เก่ง จะทำให้เราไม่ก้าวหน้าในหน้าที่การงาน คำพูดนี้อาจจะทำให้เรารู้สึกไม่เห็นด้วย หากเป็นสมัยก่อน แต่ถ้าเป็นสมัยนี้ เราคงต้องเห็นด้วยอย่างยิ่ง เพราะการมีสินค้าดีแต่การนำเสนอไม่ดี ทำให้คนไม่ซื้อของเรา แม้ว่ามันจะดีกว่าของคนอื่นก็ตาม หากเราต้องการประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจ การหยิบสินค้ามาเล่าเรื่องให้น่าฟัง จะทำให้ธุรกิจเราโดดเด่นขึ้นนั่นเอง

และนี่ก็เป็นแนวทางและช่องว่างในการทำธุรกิจสมัยนี้ครับ ขอให้เราปรับตัวกันให้ดีนะครับ

Leave a Comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *

error: Content is protected !!