ธุรกิจใหม่หลังโควิด
ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา เราเจอเหตุการณ์หลายๆ เหตุการณ์ไม่ว่าจะเป็นเรื่องฝุ่น PM 2.5 การก่อเหตุฆาตกรรมอุกอาจ น้ำกร่อย และหลายๆ เรื่อง จนมาถึงเรื่องสำคัญที่สุดของเรานั่นก็คือ การแพร่ระบาดของเชื้อ COVID-19 นั่นเอง ซึ่งเรื่องโควิดนี้ใหญ่มากจนกระทั่งทำให้เราแทบจะลืมเรื่องอื่นๆ ที่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เนื่องจากโควิดนี้ไม่ใช่แค่โรคระบาดที่ทำให้คนเสียชีวิตเยอะขึ้นทั่วโลก แต่ยังกระทบโดยตรงกับปัญหาเศรษฐกิจของโลกอีกด้วย
จากสถานการณ์นี้เอง รัฐบาลของทุกประเทศต้องเลือกระหว่างทำให้คนปลอดภัยโดยการงดการเดินทางพบปะผู้คน (Social Distance) กับการทำให้เศรษฐกิจยังคงอยู่โดยไม่สนเรื่องสุขภาพอนามัยของประชาชนในประเทศ ซึ่งรัฐบาลไทยเลือกอย่างหลัง ซึ่งผมอนุมานว่า ถ้าเลือกให้ผู้คนป่วยมากขึ้นแบบประเทศใหญ่ๆ เศรษฐกิจอาจจะพังได้ หรือถ้าไม่พัง ก็ยังไม่มีอะไรการันตีว่าคนเจ็บป่วยจะลดลง แต่การเลือกเอาสุขภาพและชีวิตประชาชนไว้ก่อน อย่างน้อยๆ ก็แก้ปัญหาได้หนึ่งเรื่องเห็นๆ ซึ่งทางแก้นี้ถือว่าดีเพราะคนไทยก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี
อย่างไรก็ตาม แม้ว่ามาตรการทางสาธารณสุขของไทยนั้นจะดีเยี่ยมจนได้รับคำชมจากนานาประเทศทั่วโลก ซึ่งส่งผลให้ยอดผู้ป่วยลดลง หรือไม่เพิ่มขึ้นมาก แต่เศรษฐกิจกลับซบเซามากขึ้น ไปถึงกับว่าตั้งประมาณการณ์ GDP ไว้ที่ติดลบ เป็นครั้งแรกในรอบหลายๆ ปี ซึ่งเป็นเหตุผลที่เข้าใจได้ แม้จะไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้นก็ตาม
ที่เป็นแบบนี้เพราะว่าเศรษฐกิจของไทยนั้นถือว่าได้รับผลกระทบโดยตรงแบบเต็มๆ เพราะ GDP หลักของไทยเราประกอบไปด้วยภาคการส่งออก กับ การท่องเที่ยว มากกว่าครึ่งหนึ่ง ซึ่งตัวเลขนี้เริ่มเกิดหลังจากวิกฤตต้มยำกุ้งเมื่อ 20 กว่าปีก่อน
ในยุคต้มยำกุ้ง ค่าเงินบาทของไทยลดค่าลงมากอย่างน้อยๆ ครึ่งนึง ทำให้สินค้าของไทยมีราคาถูกลงมาก ประกอบกับคุณภาพสินค้าที่ได้รับการพัฒนาขึ้นมาเรื่อยๆ (สังเกตได้จาก สมัยก่อนเราจะยี้เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ทำในไทย นิยมของญี่ปุ่น เกาหลี แต่เดี๋ยวนี้เราถามหาแต่ของทำในไทย และเกี่ยงของที่ทำจากประเทศอื่นๆ แทน)
ซึ่งสาเหตุเหล่านี้เอง ทำให้ประเทศไทยกลายเป็นผู้ส่งออกลำดับต้นๆ ของโลก กลายเป็นเสือติดปีกด้านการส่งออก รัฐบาลทุกสมัย ก็เน้นเรื่องการส่งออก เพราะนำเงินต่างประเทศเข้ามาพัฒนาประเทศได้ จนการส่งออกกลายเป็นแหล่งรายได้หลักของไทย
ในขณะที่เราเอนจอยกับการส่งออก แต่แล้วโชคชะตาก็กลับพลิกผัน เมื่อเกิดวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ ซึ่งไม่ได้เกี่ยวอะไรกับไทยเลย แต่มีผลกระทบทางอ้อมในเชิงเศรษฐกิจของโลก ทำให้หนึ่งในลูกค้าของเราเช่น สหรัฐฯ และยุโรป เกิดวิกฤตเศรษฐกิจ เมื่อลูกค้าเราไม่มีเงิน ก็ไม่มีใครมาสั่งซื้อของเรา และเมื่อเราพึ่งพิงการส่งออกไม่ได้ เราก็เลยลดบทบาทการส่งออกไปพึ่งพาเศรษฐกิจจากแหล่งอื่นแทน ซึ่งนั่นก็คือการท่องเที่ยว
การท่องเที่ยวนี้เดิมอาจจะเป็นยุทธศาสตร์รองๆ ลงมาจากการส่งออก แต่เนื่องด้วยปัจจัยหลายๆ อย่าง เช่น การที่โลกเราเปลี่ยนจากยุคที่คนอดออม กลายมาเป็นบริโภคนิยม สุขนิยม คนควานหาการใช้ชีวิตมากขึ้น แม้จะยังไม่รวย เราจะสังเกตได้ว่าเมื่อก่อน กว่าคนๆ นึงจะไปเที่ยวเมืองนอกได้ ต้องมีผมสีดอกเลาแล้ว คือเกษียณแล้ว แต่สมัยนี้ หนุ่มๆ สาวๆ แม้จะยังรายได้ไม่มาก แต่ก็เน้นการใช้ชีวิตให้มาก เพราะมีความเชื่อว่าแก่ไปจะไม่ได้เที่ยว เพราะไม่มีแรงนั่นเอง
นอกจากนั้น ยังมีปัจจัยอื่นๆ สนับสนุนด้วยซึ่งก็คือการเติบโตของธุรกิจสายการบินราคาต่ำ ที่ทำให้การบินไปไหนมาไหนง่ายขึ้น คนเปลี่ยนจากการนั่งรถข้ามจังหวัดเป็นการนั่งเครื่องบินแทน การเดินทางไปต่างประเทศก็ใช้เงินน้อยลง ทำให้คนเริ่มสนใจการท่องเที่ยวมากขึ้น และเป็นบุญเป็นโชคดีของประเทศไทย ที่เราเป็นประเทศที่คนนิยมมาเที่ยวมากอันดับต้นๆ ของโลก นิยมมากถึงกระทั่งว่ากรุงเทพมหานครกลายเป็นเมืองอันดับหนึ่งของการท่องเที่ยวเลยทีเดียว คนเดินทางเข้ามามากที่สุดในโลกนั่นเอง และยิ่งกว่าโชคสองชั้นคือประเทศจีน ที่มีกำลังซื้อมากขึ้นในช่วง 20-30 ปีหลังนี้ นิยมมาเที่ยวเมืองไทยด้วย และเที่ยวแบบเจาะลึกไปถึงเมืองรอง ตามรอยสถานที่แบบในหนังเลยทีเดียว
การท่องเที่ยวที่เฟื่องฟูนี้ทำให้คนไทย หรือนักธุรกิจ ผู้ประกอบการไทย นิยมเข้ามาทำธุรกิจเกี่ยวกับการท่องเที่ยวไม่ว่าจะเป็นทัวร์ไกด์ บริการรถทัวร์ สปา โรงแรม ร้านอาหาร การแสดง บันเทิง รวมถึงการจัดอีเว้นท์อีกด้วย ซึ่งนับว่าการท่องเที่ยวของไทยนั้นเฟื่องฟูถึงขั้นสูงสุด แต่แล้วฝันก็มาสลายเพราะโควิดนี่เอง การท่องเที่ยวหยุดชะงักเพราะคนเดินทางมาไม่ได้ หรือไม่สะดวกในการเดินทาง
แล้วอะไรจะเป็นธุรกิจแห่งความหวังตัวต่อไปของคนไทย
ก่อนจะวิเคราะห์ว่าอะไรคือธุรกิจที่ดีตัวต่อไป ลองมาวิเคราะห์กันก่อนว่าผู้บริโภคตระหนักอะไรถึงสถานการณ์โควิดนี้บ้าง เราพบว่าคนทั่วไปที่ไม่ออกจากบ้านนั้น ถูกสถานการณ์บังคับให้ทำอะไรหลายๆ อย่างผ่านการใช้สื่อออนไลน์ การสั่งอาหาร การช้อปปิ้งออนไลน์ การเรียนทางออนไลน์ กลายเป็นพฤติกรรมใหม่ที่เกิดขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
ธุรกิจออนไลน์จะก้าวข้ามไปอีกขั้น
ในปี 2003 ประเทศจีนเกิดโรคระบาดไข้หวัดนก ทำให้คนทั่วไปไม่กล้าออกไปไหน และนั่นก็บังเอิญว่าเป็นปีแรกที่เว็บไซต์ Taobao.com โดย Jack Ma แห่ง Alibaba ได้กำเนิดขึ้น และทำให้ธุรกิจของอลีบาบายกระดับไปอีกขั้นนั่นเอง ด้วยสาเหตุเหล่านี้ เราคงปฏิเสธไม่ได้ว่าการทำธุรกิจออนไลน์จะเป็นหนึ่งในฟันเฟืองสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจในตอนนี้
การเฟื่องฟูของออนไลน์นี้เอง ทำให้ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับออนไลน์จะเฟื่องฟูสุดๆ ไม่ว่าจะเป็นเว็บไซต์ขายสินค้าออนไลน์ ร้านค้าออนไลน์ การเรียนการสอนผ่านระบบออนไลน์ แอพพลิเคชั่นที่ทำให้ชีวิตสะดวกสบายมากขึ้น ซึ่งหากใครยังไม่มีออนไลน์มาเกี่ยวข้องกับธุรกิจ ก็ขอให้รีบๆ เริ่มต้นได้แล้วนะครับ
ธุรกิจสุขภาพ หมากตัวต่อไปของเศรษฐกิจไทย
นอกจากออนไลน์ก็มีธุรกิจสุขภาพนี่แหละที่มาแรงไม่แพ้กัน จากเรื่องโควิด เราได้เรียนรู้ว่าการดูแลสุขภาพเป็นสิ่งสำคัญมาก ซึ่งตลาดสุขภาพนั้นกว้างใหญ่มาก เพราะเกี่ยวข้องกับทุกคน ธุรกิจสุขภาพ จะไม่ได้จำกัดเฉพาะคนสูงวัย แต่ทุกวัยต้องการมีสุขภาพที่ดี อยากอยู่นานๆ ใช้ชีวิตให้คุ้ม เงินน้อย เงินไม่มี ไม่สำคัญเท่าการมีสุขภาพที่ดี
ธุรกิจเกี่ยวกับสุขภาพไม่ว่าจะเป็นการขายสินค้าสุขภาพ ที่อยู่อาศัยเกี่ยวกับสุขภาพ อาหารการกิน ยารักษาโรค วิตามินอาหารเสริม เครื่องสำอาง รวมถึงบริการสุขภาพทั้งหลาย โรงพยาบาล คลินิก ฟิตเนส ก็จะกลับมาเฟื่องฟูอีกในไม่ช้านี้
ใครสนใจธุรกิจไหน เตรียมตัวกันได้เลยนะครับ หลังโควิด ธุรกิจจะค่อยๆ ฟื้นขึ้นมาครับ